“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” เปิดแนวโน้มค่าเงินบาทของไทยในสัปดาห์แรกหลังจากปิดทำการช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 โดยระหว่างวันที่ 2-6 ม.ค. 2566 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.00-34.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค.65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และบันทึกการประชุมเฟด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนหยุดยาวปีใหม่ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในกรอบแข็งค่าในสัปดาห์สุดท้ายของปี 2565 โดยเงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางเงินหยวนท่ามกลางสัญญาณเชิงบวกหลังจากที่ทางการจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
นอกจากนี้เงินบาทยังมีแรงหนุนจากทิศทางเงินทุนต่างชาติ ซึ่งกลับมามีสถานะซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย อย่างไรก็ดีกรอบการแข็งค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วนในระหว่างสัปดาห์ ตามจังหวะการฟื้นตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์สหรัฐ ซึ่งยังคงได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ในวันศุกร์ที่ 30 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.56 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 34.73 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 ธ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 26-30 ธ.ค. 2565 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 19,559 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 18,570 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 18,645 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 75 ล้านบาท) ตามทิศทางคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
อย่างไรก็ดี เงินบาทเริ่มทยอยแข็งค่ากลับมาในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2565 หลังจากเฟดเริ่มส่งสัญญาณชะลอขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากความหวังที่จีนทยอยเปิดประเทศ.